เมนู

ทราบว่า ท่านพระจังกมทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบจังกมทายกเถราปทาน

49. อรรถกถาจังกมนทายกเถราปทาน


อปทานของท่านพระจังกมนทายถเถระ มีคำเริ่มต้นว่า สิทฺธตฺถสฺส
มุนิโน
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาล
แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า อัตถทัสสี บังเกิดในเรือนมีตระกูล
แห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา ได้สร้างที่จงกรม
อันงดงามเสมือนกับกองแห่งเงิน ฉาบด้วยปูนขาวอันเป็นที่สูง แล้วลาด
ทรายขาวเช่นกับสร้อยไข่มุก ได้ถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว. พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับแล้ว ก็แลครั้นทรงรับที่จงกรมแล้ว ทรงเข้าสมาธิ
อันสำเร็จทางกายและจิตอันเป็นสุข. แล้วทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคต
ผู้นี้ จักได้เป็นสาวกในพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า
โคตมะ. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เสวยสมบัติทั้งสองในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง
เจริญวัยแล้ว เพียบพร้อมด้วยศรัทธา บวชในศาสนา ไม่นานนักก็บรรลุ
พระอรหัต ท่านได้ปรากฏโดยนามแห่งบุญที่ท่านบำเพ็ญมาว่า จังกมน-
ทายกเถระ
ดังนี้.

วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงบุญกรรมที่ตนเคยบำเพ็ญ ในกาลก่อน เกิด
โสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อตฺถทส-
สิสฺส มุนิโน
ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อตฺถทสฺสิสฺส ความว่า ชื่อว่า
อัตถทัสสี เพราะเห็นประโยชน์ คือความเจริญงดงาม ได้แก่พระนิพพาน,
อีกอย่างหนึ่งชื่อว่าอัตถทัสสี เพราะมีปกติรู้เห็นประโยชน์คือพระนิพพาน.
เชื่อมความว่า ข้าพเจ้าได้สร้างที่จงกรมอันน่ารื่นรมย์ใจ เป็นที่หลีกเร้น
เป็นที่เจริญภาวนาพึงกระทำไว้ในใจ ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีปกติ
เห็นประโยชน์นั้น ผู้เป็นมุนี คือผู้ประกอบด้วยญาณคือโมนะเครื่องเป็น
ผู้นิ่ง. คำที่เหลือมีอรรถรู้ได้ง่ายทั้งนั้น ตามกระแสแห่งนัยที่กล่าวแล้ว
นั้นแล.
จบอรรถกถาจังกมนทายกเถราปทาน

สุภัททเถราปทานที่ 9 (49)


ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยผอบไม้จันทน์


[51] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้ควรรับเครื่องบูชา ผู้มียศมาก ทรงถอนหมู่ชนขึ้นแล้ว จะ
เสด็จนิพพาน.

ก็เมื่อพระสัมพุทธเจ้า ทรงยังหมื่นโลกธาตุให้หวั่นไหว
แล้ว จะเสด็จนิพพาน หมู่ชนและเทวดาเป็นอันมากได้
ประชุมกันในเวลานั้น.

เราเอากฤษณาและดอกมะลิซ้อน ใส่ผอบไม้จันทน์เต็ม
แล้ว ร่าเริง มีจิตโสมนัส ยกขึ้นบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้เป็นระอุดม.

พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ยอดเยี่ยมในโลก ทรง
ทราบความดำริของเรา ทรงบรรทมอยู่นั่นแล ได้ตรัสพระ-
คาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดเอาร่ม กฤษณาและมะลิซ้อน บังร่มให้เราในกาล
ที่สุดเราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว

บุคคลผู้นี้เคลื่อนจากโลกนี้แล้ว จักไปสู่หมู่เทวดาชั้นดุสิต
เขาได้เสวยรัชสมบัติในชั้นดุสิตนั้นแล้ว จักไปสู่ชั้นนิมมา-
นรดี เขาถวายดอกมะลิซ้อนอันประเสริฐสุด ด้วยอุบายนี้แล้ว
จักปรารภกรรมของตนเสวยสมบัติ บุคคลผู้นิจักบังเกิดในชั้น
ดุสิตนั้นอีก เคลื่อนจากชั้นนั้นแล้ว จักไปสู่ความเป็นมนุษย์.